ทําไมเครื่องฟอกอากาศ
ถึงจําเป็นกับชีวิตในปัจจุบัน
ทุกๆวันนี้อากาศรอบตัวเรามีมลพิษมากมาย ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ประเทศไทยติดอันดับอากาศแย่ที่สุดในโลก ซึ่งหลายๆคนคงเคยชินกับมลพิษทางอากาศในบ้านเราที่มีปริมาณสูงขึ้นเรื่อยๆ และปีที่แล้วผู้ที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานครและหลายๆจังหวัด คงจะได้เห็นสภาพอากาศขมุกขมัวตลอดทั้งวัน และพื้นที่ในหลายเขต สามารถตรวจวัดฝุ่นละอองเกินมาตรฐานเพราะ PM 2.5 หรือ “ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5” ซึ่งไม่ใช่แค่อากาศข้างนอก แม้แต่ในบ้านก็ยังเต็มไปด้วยมลภาวะทางอากาศที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่นละออง ไวรัสแบคทีเรีย ละอองเกสรดอกไม้ หรือละอองจากสัตว์เลี้ยง ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศจะช่วยกําจัดสิ่งแปลกปลอมในอากาศ เช่น ฝุ่น แบคทีเรีย ไวรัส สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ต้นเหตุที่ทําให้เกิดภูมิแพ้ รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่าง กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอับ กลิ่นเหม็นในบ้านให้หายไปโดยเครื่องฟอกอากาศทํางานโดยการดูดอากาศเข้าตัวเครื่องผ่านตัวกรองเพื่อดักจับสิ่งเหล่านี้เอาไว้ แล้วปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาแทน
ฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน มีขนาดเล็กมากพอที่จะหายใจเข้าไปสู่ปอด และซึมผ่านผนังปอดเข้าสู่กระแสเลือด ดังนั้นแล้วผลที่เกิดขึ้นกับร่างกาย จึงมีทั้งแบบ ‘เฉียบพลัน’ ซึ่งส่วนมากจะเกิดกับระบบทางเดินหายใจ คือ ไอ เจ็บคอ หายใจแล้วมีเสียงครืดคราด เลือดกําเดาไหล ซึ่งหากเลือดไหลลงคอก็จะทําให้เสมหะ มีเลือดเจือปน หากเข้าตาก็จะทําให้เคืองตา ตาแดง และหากโดนผิวหนังก็จะทําให้เกิดผื่นคัน เป็นตุ่มได้ ส่วนผลแบบ ‘เรื้อรัง’ คือ เส้นเลือดหัวใจตีบตันทําให้หัวใจวาย หัวใจเต้นผิดปกติ, เส้นเลือดไปเลี้ยงสมองตีบ ทําให้เกิดภาวะอัมพาต หรือเสียชีวิต, การเป็นมะเร็งปอด หรือ ถ้าเข้ารกไปทําอันตรายเด็กในท้อง ทําให้เด็กคลอดก่อนกําหนด นํ้าหนักน้อย ติดเชื้อง่ายและเป็นโรคออทิสซึมซึ่งผลกระทบเหล่านี้มีการยืนยันที่ตรงกันจากงาน
วิจัยทั่วโลก” แพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และเข้าสู่อวัยวะอื่นๆ ในร่างกายได้ ตัวฝุ่นเป็นพาหะนําสารอื่นเข้ามาด้วย เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก และสารก่อมะเร็งอื่นๆ ถ้าหากจะกรอง PM 2.5 ต้องใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีระบบแผ่นกรองเท่านั้น
เครื่องฟอกอากาศจึงมีความสำคัญกับกลุ่มเสี่ยงเพราะ เป็นตัวช่วยในการกำจัดมลพิษ และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศที่บ้าน
เพื่อให้อากาศมีความบริสุทธิ์มากขึ้น และลดโอกาสการก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ เนื่องจากฝุ่น ควันพิษและสารก่อภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี
ทั้งยังช่วยจัดการกับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
ระบบการฟอกอากาศ สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ต้องดูก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ คือ
ระบบการทำงาน ว่ามีคุณสมบัติและตอบโจทย์และตรงกับความต้องการการใช้งานของเราหรือไม่ รวมไปถึงความจำเป็นในการใช้ฟังก์ชันเสริมต่างๆ ที่มากกว่าแค่การกรองอากาศหรือกำจัดกลิ่น เช่น เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ,ตัวระบุการเปลี่ยนแผ่นกรอง, ตัวควบคุมความเร็ว และรีโมตสั่งการ ก็ยังถือเป็นคุณสมบัติที่เราควรนำมาพิจารณาด้วยเหมือนกัน
ระบบกรองอากาศ 7 ขั้นตอน
เครื่องฟอกอากาศ VITAINNO มีระบบกรองอากาศที่ช่วยกำจัดอนุภาคที่เป็นอันตรายได้ใน 7 ขั้นตอน
นวัตกรรมวีต้าอินโนการกรองสูงสุด 7 ขั้นตอน พร้อมด้วยการกำจัดฝุ่นแบบระบบไอออน ( lonizer) และ UVC ฆ่าเชื้อโรค มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศ สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 กรองฝุ่นละเอียด อนุภาคเล็กได้สูงถึง 0.1 ไมครอน เกสรดอกไม้ สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย และสารอันตรายอื่นๆในอากาศได้ถึง 99.9%
แผ่นกรองอากาศ HEPA (HEPA Filter)
แผ่นกรองอากาศ HEPA (ย่อมาจากคำว่า "High Efficiency Particulate Air" หรือ "High Efficiency Particulate Absorption") เป็นแผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง กรองฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ละเอียดถึง 99.97%
AQI PM LED SENSOR
เซ็นเซอร์ตรวจจับ AQI ดัชนีคุณภาพอากาศโดยอัตโนมัติ พร้อมตรวจจับอุณหภูมิ และความชื้นภายในห้อง ตามสเปครุ่น
หลอดไฟ UV ฆ่าเชื้อโรค (UV Sterilizing Lamp) & Photocatalyst
พลังการทำงานผสมผสานกรองคุณภาพที่เหนือชั้นเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดและยับยั้งเชื้อโรค แบคทีเรีย สูงถึง 99.9% UV Light เป็นระบบที่นำรังสีอัลตราไวโอเลตมาใช้ในการกำจัดละฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ อาทิ แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา หรือสารอื่น ๆ ในอากาศที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ตัวปล่อยประจุไฟฟ้า หรือปล่อยไอออน (IONIZER)
กำจัดฝุ่นขนาดล็กมากๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศให้ข้ามาใกล้ๆ กับตัวเครื่องฟอกอากาศ ด้วยการปล่อยประจุลบจับตัวกับละอองฟุ้งกระจายในอากาศที่มีเป็นประจุบวกทำให้อากาศบริสุทธิ์
เปรียบเทียบSpec เครื่องฟอกอากาศ Vitainno
*CADR หรือย่อมาจาก Clean Air Delivery Rate
ค่ามาตรฐานสำหรับทดสอบเครื่องฟอกอากาศ หมายถึง"อากาศที่ฟอกแล้ว" ค่าลูกบาศก์เมตร ต่อชั่วโมง