5795 Views |
สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทย
ข่าวเรื่องฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ส่งผลให้คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นข่าวที่เกิดขึ้นบ่อยในระยะ 1-2 ปีมานี้ และประเทศไทยมักถูกจัดอยู่ในลำดับต้นๆ ของเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก โดยการจัดอันดับตามมาตรฐานของประเทศสหรัฐอเมริกา (US AQI) ซึ่งสามารถดูข้อมูลนี้ได้จากแอปพลิเคชัน Air Visual
แหล่งกำเนิด PM2.5 หลักๆ ในประเทศไทย มี 3 อย่าง คือ รถยนต์ การเผาในที่โล่งแจ้ง และสภาพความกดอากาศต่ำ ซึ่งวิกฤตฝุ่น PM2.5 เมื่อช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน กรุงเทพมหานคร และสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ขอความร่วมมือลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวแต่ไม่ได้ผลที่ดีนัก
อย่างไรก็ตาม ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 นายประลอง ดำรงไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้ประชุมติดตามความก้าวหน้า “การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง” พบว่าการลดใช้เชื้อเพลิงจากโรงงาน การเผาในที่โล่งแจ้ง ทำให้ฝุ่น PM2.5 ลดลง แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังกันต่อไป
PM2.5 คืออะไร?
PM2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เทียบได้ว่ามีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางเส้นผมมนุษย์ เล็กจนขนจมูกของมนุษย์ที่ทำหน้าที่กรองฝุ่นนั้นไม่สามารถกรองได้ จึงแพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และเข้าสู่อวัยอื่นๆ ในร่างกายได้ ตัวฝุ่นเป็นพาหะนำสารอื่นเข้ามาด้วย เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก และสารก่อมะเร็งอื่นๆ
อันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5
ร่างกายของผู้ที่แข็งแรงเมื่อได้รับฝุ่น PM2.5 อาจจะไม่ส่งผลกระทบให้เห็นในช่วงแรกๆ แต่หากได้รับติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือสะสมในร่างกาย สุดท้ายก็จะก่อให้เกิดอาการผิดปกติของร่างกายในภายหลัง โดยแบ่งได้เป็นผลกระทบทางร่างกาย และผลกระทบทางผิวหนัง
ผลกระทบทางสุขภาพ
• เกิดอาการไอ จาม หรือภูมิแพ้
• ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ฝุ่นอยู่แล้ว จะยิ่งถูกกระตุ้นให้เกิดอาการมากขึ้น
• เกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
• เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจเรื้อรัง
• เกิดโรคปอดเรื้อรัง หรือมะเร็งปอด
ผลกระทบทางผิวหนัง
• มีผื่นคันตามตัว
• ปวดแสบปวดร้อน มีอาการระคายเคือง
• เป็นลมพิษ ถ้าเป็นหนักมากอาจเกิดลมพิษบริเวณใบหน้า ข้อพับ ขาหนีบ
• ทำร้ายเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวอ่อนแอ เหี่ยวย่นง่าย
ตั้งแต่เมืองไทยได้เกิดวิกฤตฝุ่น PM2.5 นั่นและยังพุ่งทะยานขึ้นเป็นประเทศที่สภาพอากาศแย่เป็นอันดับ 3 ของโลก
เครื่องฟอกอากาศ จึงได้ยืนหนึ่งรับมงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกบ้านทุกครัวเรือนต้องมี เพื่อสุขภาพคนในบ้านโดยเฉพาะ
บ้านไหนที่มีผู้ป่วยหรือเด็กเล็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงแน่นอนว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ เครื่องฟอกอากาศจะเป็นตัวช่วยกรองฝุ่น PM2.5 ได้ดี แต่เครื่องฟอกอากาศจะเป็นเพียงแค่เครื่องปล่อยลมธรรมดาๆทันที หากไม่มี “แผ่นกรองอากาศ” เครื่องฟอกอากาศทั่วไป หลักๆจะมีเพียง 2-3 แผ่น และบางตัวอาจมีถึง 5 แผ่น
เจาะลึก แผ่นกรองอากาศทั้ง 3 ชั้นที่เครื่องต้องมี มีอะไรบ้าง? ทำหน้าที่อะไร?
1.แผ่นกรองอากาศชั้นต้น (Pre Filter)
ชั้นแรกสุดของ เครื่องฟอกอากาศ เป็นแผ่นกรองชั้นแรกที่อยู่นอกสุด ลักษณะเป็นตาข่ายถี่ โดยทั่วไปสามารถถอดออกมาล้างและทำความสะอาดได้
Pre Filter ทำหน้าที่ :: ดักจับฝุ่นละอองหยาบขนาดใหญ่ 1-10 ไมครอน ก่อนที่ฝุ่นจะเข้าไปในแผ่นกรองด้านใน
สามารถยืดอายุการทำงานแผ่นกรองชั้นถัดๆไป ให้มีประสิทธิภาพการกรองฝุ่นมากที่สุด
2.แผ่นกรองอากาศ HEPA (HEPA Filter)
เครื่องฟอกอากาศ จะขาดแผ่นกรองชั้นไปไม่ได้เพราะเป็นแผ่นกรองที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำมาจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส ตาข่ายละเอียดถี่ยิบกว่าแผ่นกรองชั้นแรก ซึ่งหมายความว่าสามารถดักจับฝุ่นได้ละเอียดมาก แผ่นกรอง HEPA มีหลายเกรดซึ่งสามารถสังเกตได้อย่างง่ายดาย ด้วยการดูที่ตัวเลขที่ตามหลัวตัวอักษร “H” โดยยิ่งตัวเลขที่ตามหลังจำนวนสูงคุณสมบัติในการกรองยิ่งมีประสิทธิสูงมากยิ่งขึ้นตามนี้ :
(ภาพแผ่นกรอง เกรดดีที่สุด H13)
1.)HEPA H14 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไป “0.005%” (ใช้สำหรับเครื่องฟอกอกาศในสำนักงานขนาดใหญ่)
2.)HEPA H13 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไป “0.05%” (เกรดที่แนะนำ ดีที่สุดสำหรับกรองอากาศในบ้าน)
3.)HEPA H12 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไปมากกว่า “0.5%”
4.)HEPA H11 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านได้สงูสดุ “5%”
5.)HEPA H10 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไปมากกว่า “15 %”
การเลือกแผ่นกรองอากาศ HEPA เกรดสงู (H13-H14) ก็จะถือว่าตอบโจทย์มากที่สุด
ปกติไม่ควรทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ HEPA ด้วยน้ำ ผงซักฟอก หรือน้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ เพราะมันจะทำให้เสื่อมสภาพเร็ว
HEPA Filter ทำหน้าที่ :: ดักจับฝุ่นที่มีขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน เป็นชั้นสำคัญที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่นละออง แบคทีเรีย เชื้อโรค เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น ก็เข้าไปได้ยาก มีเพียงอากาศบริสุทธิ์เท่านั่นที่สามารถเล็ดลอดเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
3.แผ่นกรองคาร์บอน (Carbon Filter)
เป็นอีกชั้นที่เป็นแผ่นกรองที่ช่วยในเรื่องของการกรองกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ การกรองก็เป็นสิ่งสำคัญอากาศดีแต่กลิ่นเหม็นก็ไม่ดีต่อสุขภาพเช่นกัน แผ่นกรองคาร์บอนจะมีลักษณะเป็นสีดำ เพราะมีส่วนผสมของคาร์บอน หรือถ่านนั่นเอง
Carbon Filter หน้าที่ :: แน่นอนว่าช่วยในเรื่องดับและกรองกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นจากการประกอบอาหาร บุหรี่ ควันธูป กลิ่นฉี่น้องหมาน้องแมว กลิ่นต่างๆ สามารถกรองได้หมด
ถึงจุดนี้แล้วทุกคนคงหายสงสัยว่าในเครื่องฟอกอากาศมีอะไร? ทำหน้าที่อะไร ทำไมถึงสามารถกรองฝุ่นPM2.5 ได้
สำหรับใครที่ยังไม่มีและกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศไว้ติดบ้าน และจะตัดสินใจซื้อนอกจากเครื่องฟอกจะต้องกรอง
อากาศให้สะอาดแล้วแนะนำให้เลือกเครื่องฟอกอากาศที่ประหยัดไฟจะได้ใช้งานอย่างคุ้มค่าต่อการลงทุนมากที่สุด
ภาพกรองกลิ่น ไม่พึงประสงค์
เครื่องฟอกอากาศ Vitainno
นวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศ Vitainno กรองสูงสุด 7 ขั้นตอนในหนึ่งเดียว ยิ่งกรองมากยิ่งสะอาดมาก
ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการอออกแบบด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และวัสดุที่ยอดเยี่ยม ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
ที่มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศ สามารถฟอกฝุ่นละอองขนาดเล็ก สูงสุดถึง 0.1 ไมครอน เกสรดอกไม้ เชื้อแบคทีเรีย และสารอันตรายอื่นๆในอากาศได้ถึง 99.97%